เครื่องมือช่วยค้นหาลูกค้า (Customer Discovery) ที่ทำให้ธุรกิจเจ๊งแบบถูก ๆ Experiment Board (Javelin Board) โดนใจคนวางแผนธุรกิจสำหรับชาว SMEs และ STARTUP
เครื่องมือในการวางแผนธุรกิจที่ผมจะแนะนำมี 2 Tools ด้วยกัน คือ Experiment Board (Javelin Board) และ Lean Canvas ที่ถ้าทำแล้วจะช่วยให้การวางแผนและเขียนแบบธุรกิจของคุณล้มลุกคลุกคลาน ลองผิดลองถูกได้เร็วขึ้น และเจ็งในราคาถูก ๆ ได้ เพื่อที่จะไปนำไปสู่ความประสบผลสำเร็จของธุรกิจ
CONCEPT สิ่งที่ต้องทำ คือ จะทำยังไงก็ได้ให้เราใช้ทรัพยากรให้น้อยที่สุด (LEAN) เพื่อที่จะพิสูจน์สมมติฐานของเราที่มี (ทดสอบสมติฐานให้มาก มโนให้น้อย) เพื่อที่จะตัดสินใจได้ว่าเราควรจะไปต่อ (PERSEVERE) หรือควรจะกลับมาวางแผนแล้วคิดใหม่ (PIVOT)
เครื่องมือตัวแรกคือ
Tool 1 : Experiment Board (Javelin Board)
คือ Board ที่รวมทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการสืบค้นหาลูกค้า (Customer Discovery) มโนในพื้นฐานความเป็นจริง อย่าเพ้อฝัน ในการใช้งาน Board จะต้อง TAKE ACTION คือ ลงมือทำจริง ไม่ใช่คิดเออเองเอาแต่ใจอย่างเดียว ต้องออกไปพูดคุยกับคนจริง ๆ ถึงจะได้ของจริง ทำ ทำ ทำ เท่านั้น เพื่อจะได้เจ๊ง ๆ เร็ว ๆ และกลับมาสำเร็จ เร็ว ๆ ททท ทำทันที่ นะแจ๊ะ ![]()
เริ่มเลย Input ที่ต้องมีก่อนคือ ต้องมีโจทย์ (Problem) ถึงจะทดลอง (Experiment) ได้
วัตถุประสงค์ (Objective) ที่เราต้องได้คือ สิ่งที่ทำมาทั้งหมดนี้ทำเพื่ออะไร ก็เพื่อวัดว่ามีคนมีปัญหาแบบนี้จริงไหม แล้วเขาเต็มใจที่จะซื้อ Products หรือ Services เราไหม?
Output ที่เราต้องการคือ ค้นพบลูกค้าจริง ปัญหาที่คิดมีคนซื้อ ถ้าทำแล้วเขาจะยอมจ่ายเงินให้ Products หรือ Services ของเราแน่
WORKSHOP กันเลยหละกัน จะเห็นภาพแบบชัด ๆ
เรียกว่าเครื่องมือการทำ FOCUS GROUP พิสูจน์ว่าทำแล้วขายได้มีคนซื้อจริง
วิธีการใช้งานของ Tool 1 Experiment Board (Javelin) แบ่งออกเป็น 3 PARTS จะทำซ้ำกันไปจนกว่าจะมั่นใจว่ามีคนซื้อจริง
ตรงช่องขวาบน Experiments 1 2 3 4 5 จะเรียงความเฉพาะเจาะจง (Specific) ขึ้นไปเรื่อย ๆ จากน้อยไปมาก 1 (กลุ่มใหญ่) -> 5 (กลุ่มเฉพาะ)
เริ่มทำ Round 1
PART 1 : ซ้ายบน Start here. Brainstorm with stickers, pull it over to the right to start your experiment [แต่ละคนเขียน – เลือกเอามาแปะ Post-it หรือเขียน แค่แผ่นเดียว ทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมั่นใจ มันคือการระดมสมอง (Brainstorming) นั้นเอง] (4 คำถาม)
1.1) Who is your customer? Be as specific as possible. (ลูกค้าคุณคือใคร ระบุให้ชัดที่สุด) เพศอะไร อายุเท่าไร รายได้ อาชีพ เอาเยอะ ๆ ระบุให้ได้เฉพาะที่สุดเรียงจาก Experiments 1 (กลุ่มใหญ่ Low Specific) -> Experiments 5 (กลุ่มเฉพาะที่สุด High Specific) เอาให้เห็นภาพเลย เช่น พนักงาน Officer เพศ ช อายุ 30 ปี เงินเดือน 15,000 บาท เพื่อจะวิเคราะห์ลักษณะพฤติกรรมของลูกค้าได้
PART 2: ซ้ายล่าง Need help? Use these sentences to help construct your experiment. [ตัวอย่างวิธีการเขียนประโยคเพื่อจะเอามาเขียนใส่ใน PART 3: Experiments]
ใช้เวลา 5 นาที
Post-it แปะหรือเขียน เข้าไปเลยในช่องนี้ ระบุให้ได้เฉพาะที่สุด แต่ละคนในทีมเขียน แล้วช่วยกันเลือกเอา 1 แผ่นที่คิดว่า Specific ที่สุด มาแปะใน PART 3: ขวาบน Experiments ในช่อง Experiment 1 ของ Customer (กลุ่มใหญ่ Low Specific)
1.2) What is the problem? Phrase it from your customer’s perspective. (ลูกค้าคนนี้เขามีปัญหาอะไร ให้มโนว่าตัวเราคือลูกค้า มองในมุมลูกค้า มโนไว้ก่อนแล้วตั้งสมมติฐาน)
ใช้เวลา 5 นาที
Post-it แปะหรือเขียน เข้าไปเลยในช่องนี้ มโนให้ได้สมมติฐานที่ชัดเจน แต่ละคนในทีมเขียน แล้วช่วยกันเลือกเอา 1 แผ่นที่คิดว่าคิดว่าโดนที่สุด มาแปะใน PART 3: ขวาบน Experiments ในช่อง Experiments 1 ของ Problem
เฉพาะ Round 1 PART 1 : ซ้ายบน ให้ข้ามข้อ 1.3) ไปทำข้อ 1.4) ก่อน เพราะยังไม่รู้วิธีทำ Solution ที่แท้จริง PART 3: ขวาบน Experiments ในช่อง Experiments 1 ของ Solution จะว่างไว้
1.4) List the assumptions that must hold true, for your hypothesis to be true. (List สมมติฐาน ต้องพิสูจน์ว่าเป็นจริง เอาอันที่อยากพสูจน์มากที่สุด ต้องเจาะจง สิ่งที่จะถามลูกค้าแล้วเขาตอบได้เลย)
ใช้เวลา 10 นาที
Post-it แปะหรือเขียน เข้าไปเลยในช่องนี้ มโนให้ได้สมมติฐานที่ชัดเจน แต่ละคนในทีมเขียน แล้วช่วยกันเลือกเอา 1 แผ่นที่มั่นใจว่ามีลูกค้ายอมที่จะจ่ายเงินมากที่สุด มาแปะใน PART 3: ขวาบน Experiments ในช่อง Experiments 1 ของ Riskiest Assumption (มโนกันในทีมขึ้นมาก่อน)
และออกไปสำรวจด้วยการพูดคุย โทรไปคุย หรือไปสัมภาษณ์ TAKE ACTION ออกไปถาม Interview 10 คน ตอบว่าใช่ 6/10 เกินขึ้นก็ถือว่าสำเร็จแล้ว กับสมมติฐานนี้ ซื้อ วิธีการออกไปสัมภาษณ์ หรือโทรหาเพื่อนเพื่อนพิสูจน์เรื่องนี้ ในการ Connect ถ้ารู้จักกัน อาจจะให้เพื่อนอีกคุยถามให้เพื่อไม่ให้เกิด Bias หรือเกรงใจระหว่างกัน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แท้จริงที่สุด ตั้งคำถาม แล้วเขาตอบข้อมูลจริง ผลลัพธ์จำนวนตอบใช่ เอามาใส่ PART 3: ขวาบน Experiments ในช่อง Experiments 1 ของ Method & Success Criterion
หลังจากนั้นก็เข้า PART 3: ขวาบน เข้าในหมวด เริ่ม
GET OUT OF THE BUILDING! ช่อง Experiments 1 ของ Result & Decision (ใส่ผลลัพธ์ และการตัดสินใจ ที่ได้ในรอบนั้น) และ Learning (สิ่งที่ได้เรียนรู้จากข้อก่อนหน้าในรอบนั้น จะเอามาใส่ใน INPUT ของ PART 3: ของ Customer ใน Round 2)
พอทำเสร็จขึ้น Round 2 ให้กลับไปทำใน PART 1 ซ้ายบน ข้อ 1.1) Who is your customer? Be as specific as possible. (ลูกค้าคุณคือใคร ระบุให้ชัดที่สุด) โดยเอาผลลัพธ์ของ Learning ที่ได้เรียนรู้มาใส่ใน Customer ของ Round 2 แล้วทำจนครบ
โดยในรอบนี้จะเริ่มทำ PART 1 ซ้ายบน ข้อ 1.3) Define the solution only after you have validated a problem worth solving. ระดมความคิดแล้วเอามาใส่ในช่อง ช่อง Experiments 1 ของ Solution
โดยในรอบนี้ให้ระบุเจาะจงกลุ่มลูกค้า (Customer) ให้ละเอียดมากขึ้น
ตัวอย่าง ทำในแต่ละข้อ 1.1) -> 1.2) -> 1.3) -> 1.4) ใน Round 2 แล้วทำวนซ้ำไปเหมือนเดิมตามข้างบนที่กล่าวไปแล้วมาทำใน Round 3 4 5 แล้วแต่ว่าจะทำสิ้นสุดมากแค่ไหนตามการตัดสินใจของทีม
- Round 1 ลูกค้าคือ กลุ่ม ASIAN WHO DRINK ALCOHOL (กลุ่มคนเอเชียที่ดื่มแอลกอฮอล์)
- Round 2 ลูกค้าคือ กลุ่ม ASIAN FLUSHERS (กลุ่มคนที่ดื่มแล้วตัวแดง) – PART3: Experiments 2 ของ Solution อาจจะมีหรือยังไม่มีก็ได้
- Round 3 ลูกค้าคือ กลุ่ม 20-30 yrs. ASIAN FLUSHERS -> PART3: Experiments 3 ของ Solution -> VITAMIN BASED
- Round 4 ลูกค้าคือ กลุ่ม 20-30 yrs. ASIAN FLUSHERS -> PART3: Experiments 3 ของ Solution -> ALL NATURE PRE-GAME DRINK (จะลูกค้าอาจกลุ่มเดิมจากรอบที่แล้ว แต่เปลี่ยน Solution แทนก็ได้)
- Round 5 ลูกค้าก็จะระบุเจาะจงมากขึ้น หรือจะถึงแค่รอบก่อนหน้านี้ก็ได้
ในแต่ละ Round จะทำวนซ้ำ (Iteration) เหมือนเดิมจนกว่าจะพิสูจน์และมั่นใจได้ว่ามีลูกค้ายอมจ่ายเงินซื้อของที่เราทำแน่นอน
TUTORIAL: Experiment Board Tutorial with Grace Ng
EXAMPLE: Lean Startup: How Jennifer learned her way to a big business
References: Lean Startup Machine







